กระดาษความร้อน กระดาษใบเสร็จ Thermal Paper Roll คืออะไร?
ความคิดเห็น (0) กระดาษความร้อน กระดาษใบเสร็จ Thermal Paper Roll คืออะไร?
กระดาษใบเสร็จความร้อน (Thermal Paper) กระดาษประเภทนี้นิยมใช้กันในอุตสาหกรรม และการอุปโภคบริโภค เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร เป็นต้น ซึ่งมีหลายขนาดให้เลือก กระดาษความร้อน 57 mm, กระดาษใบเสร็จ 80x80, กระดาษความร้อน 80x55, กระดาษความร้อน 80x50, กระดาษความร้อน 57x80
เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DBD Verified) คืออะไร
ความคิดเห็น (0) เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (DBD Verified) คืออะไร

เครื่องหมาย DBD Verified คือ เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ออกให้แก่ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ประสงค์จะได้รับเครื่องหมาย DBD Verified โดยจดทะเบียนและมีคุณสมบัติ ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อรับรองความน่าเชื่อถือในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และแสดงว่าเว็บไซต์นั้น ๆ มีคุณภาพผ่านเกณฑ์ประเมินตามมาตรฐานคุณภาพธุรกิจ e-Commerce ของกรมฯ

จำแนกเครื่องหมาย DBD Verified 3 ระดับ คือ Silver, Gold และ Platinum ดังนี้



1. ระดับดี DBD Verified Silver จะออกให้แก่บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล โดยผ่านคุณสมบัติ เช่น จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และได้รับเครื่องหมาย DBD Registered จัดส่งงบการเงินติดต่อกัน (กรณีเป็นนิติบุคคล) รวมทั้งผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

2. ระดับดีมาก DBD Verified Gold จะออกให้แก่ผู้ที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เฉพาะที่เป็นนิติบุคคล โดยผ่านคุณสมบัติ เช่น จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไม่น้อยกว่า 1 ปี จัดส่งงบการเงินติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี รวมทั้งผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจฯ

3. ระดับดีเด่น DBD Verified Platinum จะออกให้แก่ผู้ที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เฉพาะที่เป็นนิติบุคคล โดยผ่านคุณสมบัติ เช่น จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไม่น้อยกว่า 2 ปี จัดส่งงบการเงินติดต่อกันไม่น้อยกว่า 2 ปี และมีคุณสมบัติอื่น ได้แก่ เว็บไซต์ได้รับเครื่องหมาย DBD Verified ระดับ Gold ต่อเนื่อง 2 ปี และกรณีที่ไม่ได้รับเครื่องหมาย DBD Verified ระดับ Gold หรือ ได้รับเครื่องหมายฯ ต่อเนื่อง ไม่ครบ 2 ปีจะได้รับพิจารณาเป็นรายกรณี เช่น ธุรกิจได้รับการรับรอง หรือรางวัลด้านการบริหารจัดการจากสมาคม/หน่วยงาน รวมทั้ง ผ่านเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพธุรกิจฯ เป็นต้น

** เครื่องหมาย DBD Verified จะมีความน่าเชื่อถือในระดับที่สูงกว่า DBD Registered


POSPAK ได้รับการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับทางกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ และ ได้รับอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายรับรองความน่าเชื่อถือ DBD Verified ระดับ Gold 

UPS มีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร
ความคิดเห็น (0) UPS มีกี่ประเภท แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร

UPS แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้

1. เครื่องสำรองไฟชนิด Online Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabilizer   

UPS ชนิดนี้ถูกพัฒนามาจาก Offline UPS โดยเพิ่มระบบป้องกันแรงดันไฟฟ้าสูงหรือต่ำอัตโนมัติ (Stabilizer) เพื่อป้องกันปัญหาทางไฟฟ้า ช่วยให้ UPS ไม่จำเป็นต้องจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ทุกครั้งที่ไฟตกหรือไฟเกินไม่มากนัก


Online Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabilizer จัดได้ว่าเป็น UPS ที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ ราคาไม่แพงและคุณภาพไฟฟ้าที่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้

คุณสมบัติของ Online Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabilizer

  • เหมาะสำหรับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) ทั้งในบ้านและสำนักงาน
  • มีระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer) เพื่อป้องกันปัญหาไฟเกินและไฟตก
    สัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าบางอย่างที่ไม่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ายังสามารถผ่านเข้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าได้
  • เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่มีความผันผวนของแรงดันไฟฟ้ามากๆ เช่น ประเทศไทย, พม่า, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ฯลฯ
  • ไม่เหมาะสำหรับนำไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความไวต่อคุณภาพของกระแสไฟฟ้ามากๆ เช่น เครื่องมือแพทย์และเครื่องจักรในโรงงาน ฯลฯ

 

2. เครื่องสำรองไฟชนิด True on-line UPSTrue Online UPS เป็น UPS ที่มีศักยภาพสูงที่สุด สามารถป้องกันปัญหาทางไฟฟ้าได้ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็น ไฟดับ, ไฟตก, ไฟเกิน หรือสัญญาณรบกวนใดๆ และให้คุณภาพไฟฟ้าที่ดี ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ UPS ชนิดนี้มีราคาสูงกว่า UPS ชนิดอื่นๆ

หลักการทำงานของ UPS ชนิดนี้

เครื่องประจุกระแสไฟฟ้า (Charger) และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) จะทำงานตลอดเวลา ไม่ว่าคุณภาพไฟฟ้าจะเป็นอย่างไร ก็สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า (Load) ได้ตามปกติ ยกเว้นกรณีเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าเสีย จึงจะจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Main) จากการไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้า (แต่ไม่ควรใช้งานต่อไปหากเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าเสีย)

 

คุณสมบัติของ Treu on-line UPS 

  • มีศักยภาพสูงสุด สามารถป้องกันปัญหาทางไฟฟ้าได้ทุกกรณี
  • ไฟฟ้ากระแสสลับที่อุปกรณ์ไฟฟ้าจะได้รับจาก UPS ชนิดนี้ จะเป็นไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูง มีความเที่ยงตรงของระดับแรงดันไฟฟ้า และปราศจากสัญญาณรบกวนใดๆ
  • กรณีไฟฟ้าดับหรือขาดช่วง UPS จะนำพลังงานสำรองในแบตเตอรี่มาแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับเพื่อจ่ายให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าได้ในทันที

 

การเลือกใช้ UPS ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดต่างๆ

หากการใช้งานใดที่มีจุดประสงค์เพื่อสำรองพลังงานไฟฟ้า สำหรับจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอมพิวเตอร์ ในเวลาที่เกิดไฟดับหรือไฟตก หรือเพื่อปรับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า เมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้า หรือเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าที่อาจสร้างความเสียหายต่อข้อมูลและอุปกรณ์ไฟฟ้า สามารถนำ UPS ไปใช้งานได้ เช่น

 

 

ขอขอบคุณบทความดีๆจากเว็บไซต์ www.lpsups.com

S-POS เหมือนหรือแตกต่าง! แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร เหมาะกับร้านประเภทไหน
ความคิดเห็น (0) S-POS เหมือนหรือแตกต่าง! แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร เหมาะกับร้านประเภทไหน

เครื่อง POS เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย เพื่อช่วยให้ร้านค้าขายสินค้าและบริการ ได้สะดวกสบาย คิดเงินไว เช็คสินค้าได้ทันที ซึ่งเครื่อง POS ถูกพัฒนาจากเครื่องคิดเงิน (Cash Register) ให้อยู่ในรูปทรงเหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่มีหน้าจอระบบสัมผัส และมีระบบ POS พร้อมใช้งาน

 

S-POS POS ALL IN ONE นวัตกรรมใหม่เพื่อ จุดแคชเชียร์ที่สมบูรณ์แบบ
เครื่องคอมพิวเตอร์จอสัมผัส หรือเครื่องชำระเงิน ณ จุดขาย รองรับได้ทุกโปรแกรมขาย ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมขายสินค้าหน้าร้าน โปรแกรมร้านอาหาร โปรแกรมโรงแรม ฯลฯ ออกแบบมาให้เหมาะกับทุกเค้าท์เตอร์แคชเชียร์ มีหลากหลาย โมเดลให้เลือกใช้ ทั้งแบบ จอมีขอบ แข็งแรงทนทาน จอแบบเพรียวบาง จอแบบติดผนัง รวมไปถึง แบบ 2 จอ ที่สามารถแสดงผลฝั่งลูกค้าได้ มาพร้อมสเปคที่ครบครัน เลือกได้ตั้งแต่สเปกพื้นฐาน ไปจนถึงสเปคสูงสุด เพื่อรองรับการใช้งานที่เร็วกว่า รับประกันสินค้าให้มากถึง 3 ปี การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1 ของเครื่องโพส ร้านค้าทั่วไทย

 

เครื่อง POS แบรนด์เดียวกัน เหมือนหรือแตกต่าง! 

ขึ้นชื่อว่าเครื่อง POS ลักษณะการทำงานเหมือนกัน แต่ต่างกันที่รูปทรง เทคโนโลยีหน้าจอ ลักษณะการนำไปใช้งาน ซึ่งมีทั้ง 1 จอแสดงผล และ 2 จอแสดงผล ทั้งหมดมี 4 รุ่นหลักๆคือ T310 , T320 plus , T350 และ X200 ซึ่งเราได้จัดทำตารางเปลี่ยนเทียบดังนี้

เทคโนโลยีหน้าจอ Resistive และ Capacitive ต่างกันยังไง?

Resistive

 

เทคโนโลยี Resistive ถือว่าเป็นแบบที่ประหยัดและเหมาะกับการใช้งานประเภทต่างๆ ได้กว้างขวาง เช่นร้านอาหาร ร้านค้าที่ใช้เครื่อง POS งานควบคุมทางด้านอุตสาหกรรม รวมทั้งใช้ในอุปกรณ์พกพา อย่าง PDA, Mobile เป็นต้น Touch Screen แบบ Resistive จะประกอบด้วยเลเยอร์ด้านบนที่ยืดหยุ่น และเลเยอร์ด้านล่างที่อยู่บนพื้นแข็งคั่นระหว่าง 2 เลเยอร์ด้วยเม็ดฉนวนซึ่งทำหน้าที่แยกไม่ให้ด้านใน ของ 2 เลเยอร์สัมผัสกันเพราะด้านในของ 2 เลเยอร์นี้จะเคลือบด้วยสารตัวนำไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติ โปร่งแสงในเวลาจะมีการปล่อยกระแสที่เลเยอร์สารตัวนำ และเมื่อคุณกดที่ Touch Screen จะทำให้วงจร 2 เลเยอร์ต่อถึงกัน จากนั้นวงจรควบคุมก็จะคำนวณค่ากระแสไฟฟ้า ซึ่งจะแตกต่างไปตามตำแหน่งที่สัมผัส เมื่อคำนาณค่ากระแสตามแนวตั้งและแนวนอนก็จะำได้ตำแหน่งที่สัมผัสบนหน้าจอ

จุดแข็งของ Resistive

       ราคาไม่แพง

       สามารถใช้อะไรสัมผัสก็ได้

       หาตำแหน่งที่สัมผัสได้ละเอียด

       กินไฟน้อย

 
 
 
Capacitive

เทคโนโลยี Capacitive มีคุณสมบัติที่โดดเด่นทั้งความทนทานความโปร่งแสงมักเป็นที่นิยมใน Application ประเุภท เกมส์ Entertrainment  ATM, Kiosk อุปกรณ์ทางอุตสาหกรรม และ POS โครงสร้างของ Touch Screen แบบ Capacitive นั้นประกอบด้วยแผ่นแก้วเคลือบผิวด้วย อ็อกไซด์ของโลหะแบบโปร่งแสง เมื่อถึงเวลาการใช้งานก็จะมีการป้อนแรงดันไฟฟ้าที่มุมทั้งสี่ของ Touch Screen เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ความเข้มสม่ำเสมอตลอดทั่วทั้งแผ่น ผู้ใช้จะต้องใช้นิ้วมือเปล่าๆ สัมผัสที่จอเพื่อดึงกระแสจากแต่ละมุมที่ให้แรงดันตกลง จากนั้นแผงวงจรควบคุมก็จะคำนวณเป็นตำแหน่งที่สัมผัสได้

จุดแข็งของ Capacitive

       มีความคมชัด

       แสงจากหน้าจอสามารถผ่านออกมาได้ ภาพจึงชัด

       หาตำแหน่งที่สัมผัสได้ละเอียด

 

สรุป! 

POS T310 หน้าจอแบบ Resistive สามารถใช้นิ้วสัมผัสเป็นจุดๆ ไม่ต้องใช้เมาส์ในการสั่งงาน โดยมีขนาดหน้าจอ 15 นิ้ว ขอบหน้าจอหน้าป้องกันการตกกระแทกได้
หน้าจอสามารถปรับได้ถึง 180 องศา ความละเอียดหน้าจอที่ 1024 x 768 มีระบบระบายความร้อนในตัวและสมรรถนะสูง HardDisk ในตัวเครื่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม
รองรับระบบ Windows XP/7/8/10 รองรับเครื่องสแกนบาร์โค้ด , เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ , ลิ้นชักเก็บเงิน , เครื่องอ่านบัตร เหมาะสำหรับร้านมินิมาร์ท ร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านอะไหล่รถยนต์ ใช้งานได้กับทุกร้าน

 

POS T320 Plus หน้าจอเรียบหรู ดูแพง ไฮโซ จอบางกว่ารุ่น T310 หน้าจอแบบ capacitive เหมือนใช้งานบนหน้าจอมือถือ มีการยืด-ขยาย ด้วย 2 นิ้ว ไม่ต้องใช้เมาส์ในการสั่งงาน
ขนาดหน้าจอ 15 นิ้ว ความละเอียดหน้าจอที่ 1024 x 768 มีปุ่มเปิด / ปิด หน้าจอทางด้านข้าง มีการอัพเกรด Mainboard Premium มากขึ้นในราคาที่เท่าเดิม รองรับระบบ Windows/ Dos/ Linux รองรับเครื่องสแกนบาร์โค้ด , เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ , ลิ้นชักเก็บเงิน , เครื่องอ่านบัตร เหมาะสำหรับร้านเสื้อผ้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ คาเฟ่ ร้านอะไหล่รถยนต์ ร้านขายยา 

 

POS T350 จอคู่ หน้าจอพนักงาน 15 นิ้ว หน้าจอฝั่งลูกค้า 12 นิ้ว หน้าจอแบบ capacitive เหมือนใช้งานบนหน้าจอมือถือ มีการยืด-ขยาย ด้วย 2 นิ้ว ไม่ต้องใช้เมาส์ในการสั่งงาน ความละเอียดหน้าจอที่ 1024 x 768 มีระบบระบายความร้อนในตัวและสมรรถนะสูง HardDisk ในตัวเครื่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม รองรับระบบ Windows XP/7/8/10
รองรับเครื่องสแกนบาร์โค้ด , เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ, ลิ้นชักเก็บเงิน , เครื่องอ่านบัตร เหมาะสำหรับร้านมินิมาร์ท ร้านอาหาร ซูเปอร์มาเก็ต 

 

POS X200 จอคู่ หน้าจอปกติ 15 นิ้ว หน้าจอฝั่งลูกค้า 12 และ 15 นิ้ว หน้าจอแบบ capacitive เหมือนใช้งานบนหน้าจอมือถือ มีการยืด-ขยาย ด้วย 2 นิ้ว ไม่ต้องใช้เมาส์ในการสั่งงาน ความละเอียดหน้าจอที่ 1024 x 768 มีระบบระบายความร้อนในตัวและสมรรถนะสูง HardDisk ในตัวเครื่องไม่ต้องซื้อเพิ่ม รองรับระบบ Windows XP/7/8/10
รองรับเครื่องสแกนบาร์โค้ด , เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ, ลิ้นชักเก็บเงิน , เครื่องอ่านบัตร 
เหมาะสำหรับร้านมินิมาร์ท ร้านอาหาร ซูเปอร์มาเก็ต 

 

 

 

กลยุทธ์เปิดร้านอาหารให้รุ่งและรอด ฉบับมือใหม่
ความคิดเห็น (0) กลยุทธ์เปิดร้านอาหารให้รุ่งและรอด ฉบับมือใหม่

สำหรับใครที่กำลังมีไอเดียในใจ อยากจะเปิดธุรกิจอะไรสักอย่างเป็นของตัวเอง “ธุรกิจร้านอาหาร” คงเป็นหนึ่งในตัวเลือกแรกๆ ที่ใครๆ ก็คงอยากทำ ร้านอาหารเป็นธุรกิจที่เติบโตอยู่ตลอดเวลาและยังมีความจำเป็นสำหรับผู้บริโภค เรียกได้ว่าอาจเป็นธุรกิจที่ไม่มีทางล้มหายตายจากง่ายๆ แต่มีการแข่งขันสูงและเปลี่ยนไปตามเทรนด์ของผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัยอยู่เสมอ เห็นแบบนี้แล้ว หลายคนคงกังวลว่าจะเริ่มต้นเปิดร้านอาหารอย่างไร ควรวางแผนเตรียมตัวยังไงบ้าง วันนี้ เรามีกลยุทธ์การเปิดร้านอาหารที่จะช่วยให้ทุกคนหมดห่วงและเตรียมตัวเป็นเจ้าของกิจการร้านดังกันได้เลย

 

1.หาตัวตนที่แตกต่างให้กับร้าน

เมื่ออยู่ในสนามที่มีการแข่งขันสูง เราต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่ากำลังขายอะไรและต้องรู้ใจกลุ่มเป้าหมายของเราเช่นกันว่าพวกเขาชอบอะไร นอกจากการคงมาตรฐานของอาหารให้อร่อยและสดใหม่แล้ว การสร้างความโดดเด่นให้กับร้านของเราก็เป็นเหมือนการสร้างข้อได้เปรียบให้แก่ตัวเอง

ในสมัยนี้พฤติกรรมของผู้บริโภคไม่ได้ดูกันที่ความอร่อยเพียงอย่างเดียว ยังมีจุดขายอื่นๆ ที่ดึงดูดให้คนสนใจร้านอาหารของเราได้ ทั้งการออกแบบเมนูอาหารให้มีความแปลกใหม่ หาทานได้แค่ที่ร้านของเราเท่านั้น หรือการตกแต่งร้านให้มีเอกลักษณ์ กลายเป็นจุดถ่ายภาพที่ทุกคนจะต้องแชร์ในโลกโซเชียล ถือเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการมาร้านอาหารให้แก่ลูกค้า และยังสร้างตัวตนให้ลูกค้าจดจำเราได้อีกด้วย

 

2.ตั้งราคาให้เหมาะสม

การตั้งราคาอาหารที่ดีต้องดูควบคู่ทั้งต้นทุนในแต่ละเมนูที่เราเสียไป รวมถึงดูว่าผู้บริโภคยินยอมจะจ่ายเงินเพื่ออาหารแต่ละจานมากน้อยแค่ไหน หากตั้งราคาต่ำไปก็อาจได้กำไรน้อย แต่ถ้าตั้งสูงเกินไปอาจกลายเป็นว่าขายได้น้อยเช่นกัน โดยกำไรขั้นต้นของอาหารแต่ละจานควรอยู่ที่ 50-70 เปอร์เซ็นต์ หรืออาจมากกว่านั้น

ยังมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย ไม่ใช่เพียงแค่ต้นทุนจากวัตถุดิบในเมนู แต่รวมไปถึงทำเลที่ตั้ง การตกแต่งร้าน ค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงาน เป็นต้น อีกหนึ่งจุดสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือ กลุ่มเป้าหมายของแต่ละร้านอาจไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทอาหารหรือวัตถุประสงค์ของร้านว่าเราต้องการขายให้ใครเป็นหลัก เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ลูกค้าบางกลุ่มอาจยินยอมจ่ายเงินในราคาที่สูงกว่าเพื่อวัตถุดิบที่ดีหรือพิเศษกว่าที่อื่นเช่นกัน

 

3.ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจอะไร ทำเลที่ตั้งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารที่เน้นการขายหน้าร้านเป็นหลัก เมื่อร้านอยู่ในจุดที่เข้าถึงได้ง่ายและเดินทางสะดวก ย่อมเป็นทางเลือกอันดับแรกๆ ของลูกค้า ร้านของเราจะประสบความสำเร็จหรือไปได้ไกลแค่ไหน ทำเลของร้านนับว่าเป็นหนึ่งในตัวตัดสินได้เลย

ทำเลในแต่ละโซนย่อมมีค่าเช่าที่แตกต่างกันไป บางคนอาจมองหาที่ตั้งภายในห้างสรรพสินค้าเพราะเข้าถึงลูกค้าได้มากและหลากหลาย ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอดรถหรือสภาพอากาศ แต่ต้องยอมแลกกับค่าเช่าที่แพงกว่า ในขณะเดียวกันบางคนอาจเลือกทำเลแบบ Stand alone ที่มีราคาถูกกว่า แต่เข้าถึงลูกค้าได้น้อยกว่าและต้องสู้กับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน รวมถึงที่จอดรถซึ่งอาจต้องเสียค่าเช่าที่แยกเพิ่มอีก

เมื่อเลือกทำเลให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าของเราแล้ว หากเราคิดจะเข้าไปทำธุรกิจในย่านนั้น สิ่งที่ไม่ควรลืมคือ การวิเคราะห์คู่แข่งในละแวกเดียวกัน เพราะบางทีเราอาจมีเจ้าถิ่นที่ยอดขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอยู่แล้ว เราควรสังเกตยอดขายและวิธีการโปรโมท รวมถึงชื่อเสียงของแต่ละร้าน เพื่อนำมาประเมินว่าเราควรวางแผนการตลาดและรับมือกับอุปสรรคอย่างไร

 

4.วางแผนการตลาดและโปรโมชั่นให้ดึงดูดใจ

ปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเริ่มมีเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องมากขึ้น การทำการตลาดบนช่องทางออฟไลน์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ช่องทางออนไลน์กลายเป็นช่องทางที่มีบทบาทสำคัญและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้มากและหลากหลายในคราวเดียว ที่สำคัญยังประหยัดงบประมาณและเริ่มทำได้ทันทีเมื่อร้านของเราพร้อมเปิดตัว

เมื่อสร้างชื่อให้ผู้คนจดจำและมีเราเป็นตัวเลือกในใจเวลาที่ต้องการหาร้านอาหารได้แล้ว ลองสร้างโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าด้วยเมนูใหม่ๆ โปรโมชั่นพิเศษประจำเทศกาล หรือการสะสมแต้มเมื่อทานอาหารครบตามจำนวนเพื่อแลกรับของรางวัล โดยสามารถประชาสัมพันธ์ข้อมูลเหล่านี้ผ่านช่องทางออนไลน์ ประกอบกับออฟไลน์ได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพและการบริการที่ดี ที่จะทำให้ลูกค้าส่งต่อประสบการณ์ดีๆ เหล่านี้จนเกิดเป็นการบอกต่อ (Word of mouth) ซึ่งได้ผลดียิ่งกว่าการโปรโมทใดๆ

 

5.บริหารคนให้มีประสิทธิภาพ

การเปิดร้านอาหารเป็นเหมือนการทำงานเป็นทีมที่เราไม่ควรละเลยตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ทุกคนล้วนมีความสำคัญไม่ว่าจะพ่อครัวหรือพนักงานเสิร์ฟ เพราะพวกเขาเหล่านี้เป็นเหมือนตัวแทนร้านของเราที่จะสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าได้

หน้าที่ของเจ้าของธุรกิจร้านอาหารอย่างเราคือ การวางแผน ควบคุม และติดตามผล เพื่อให้คุณภาพของร้านอาหารดีอยู่เสมอ เลือกเฟ้นทีมงามที่มีดีทั้งฝีมือและทัศนคติ แต่อย่าลืมใส่ใจพนักงานของเราด้วยเช่นกัน สร้างความประทับใจให้กับคนที่เราทำงานด้วยเพื่อให้พวกเขารู้สึกมีความสุขกับการทำงานและพร้อมที่จะลุยงานทุกอย่างได้อย่างเต็มที่

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก https://bit.ly/2XrnMYw

 
7 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม ก่อนเปิดร้านกาแฟ
ความคิดเห็น (0) 7 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม ก่อนเปิดร้านกาแฟ
ธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจในฝันของใครหลายคน แต่สุดท้ายอาจล้มเลิกความตั้งใจไปเพราะกลัวสนามที่มีผู้แข่งขันมากมาย