กลับไปทั้งหมด

7 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม ก่อนเปิดร้านกาแฟ

7 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อม ก่อนเปิดร้านกาแฟ

ธุรกิจร้านกาแฟเป็นธุรกิจในฝันของใครหลายคน แต่สุดท้ายอาจล้มเลิกความตั้งใจไปเพราะกลัวสนามที่มีผู้แข่งขันมากมาย การเปิดร้านกาแฟไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวเสมอไปหากมีการเตรียมพร้อมที่ดี ทั้งการวางแผนธุรกิจและการจัดการระบบภายในร้าน หนึ่งในขั้นตอนสำคัญของการเตรียมตัวเปิดร้านกาแฟคือ การเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ร้านกาแฟมีอุปกรณ์สำคัญหลายอย่างที่ต้องดูคุณภาพและเลือกให้ถูกต้องตามจุดประสงค์ในการใช้งาน เช่น เครื่องชงกาแฟที่มีความเสถียร พร้อมรองรับการชงกาแฟหลายสิบแก้วในแต่ละวัน เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่น วันนี้เราขอชวนทุกมานั่งเปิดลิสต์สำรวจอุปกรณ์ในร้านของคุณ ว่าพร้อมแล้วรึยัง สำหรับการเปิดร้านกาแฟ!

1. อุปกรณ์และเครื่องชงกาแฟ

แน่นอนว่าอุปกรณ์สำคัญอันดับหนึ่งของการเปิดร้านกาแฟคงไม่พ้นอุปกรณ์และเครื่องชงกาแฟ ทั้งเครื่องทำกาแฟเอสเปรซโซ ทั้งเครื่องดริปกาแฟ จนไปถึงเครื่องบดเมล็ดกาแฟที่เราอาจเห็นร้านกาแฟหลายร้านใช้กัน โดยปกติแล้วหลายๆ เมนูเครื่องดื่มที่ลูกค้าชอบสั่งกันมักจะมีส่วนผสมของกาแฟเอสเปรซโซเป็นหลัก ทั้งเป็นกาแฟเอสเปรซโซเพียวๆ หรือจะไปผสมนมในภายหลัง ทำให้เครื่องชงเอสเปรสโซ่เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์หลักของการเปิดร้านกาแฟอีกด้วย

 

เจ้าของร้านควรให้ความสำคัญกับการเลือกอุปกรณ์เหล่านี้เป็นอย่างมาก แม้จะไม่ได้ส่งผลต่อเรื่องรสชาติมากนัก แต่เป็นเรื่องของคุณภาพในการทำงานซะมากกว่า เครื่องชงกาแฟแต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน อยู่ที่ว่าจุดประสงค์ในการใช้งานคือสำหรับครัวเรือนหรือการทำธุรกิจ

สำหรับร้านกาแฟที่ต้องชงเป็นจำนวนมากต่อวันควรเป็นเครื่องที่มีความเสถียรในการชง แรงดันและอุณหภูมิน้ำต้องสม่ำเสมอ มั่นใจได้ว่าสามารถรองรับการชงกาแฟหลายสิบแก้วในช่วงเวลาตอนเช้าที่อาจมีลูกค้ามาสั่งกาแฟเยอะเป็นพิเศษได้ เครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่จึงมีราคาแพงเพราะผลิตและวางกลไกอุปกรณ์โดยแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน

2. เครื่องปั่น

เครื่องดื่มปั่นทั้งเมนู Frappe หรือ Smoothie ต่างเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดฮิตติดร้านกาแฟที่ไม่ว่าร้านไหนก็ต้องสร้างสรรค์ดันเมนูเหล่านี้ออกมา การมีเครื่องปั่นติดร้านไว้จึงเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะในตอนนี้ความนิยมของเครื่องดื่มปั่นต่างๆ ก็ยังมีมาอยู่ตลอด ยิ่งในประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าวเป็นทุนเดิม มีเครื่องดื่มเย็นๆ ไว้ดื่มดับร้อนจึงกลายเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคน

 

ราคาของเครื่องปั่นมีตั้งแต่ราคาไม่แพงมาก สามารถใช้ได้ทั้งธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ทั้งเครื่องปั่นสมูทตี้แบบมอเตอร์กำลังวัตต์สูง 1,500 วัตต์ขึ้นไป ราคาเพียงสองพันกว่าบาทเท่านั้น แต่ควรดูที่การใช้งานของเป็นหลัก และเน้นกำลังของมอเตอร์เป็นสำคัญ ควรเลือกเครื่องปั่นมอเตอร์ 1,500 วัตต์ขึ้นไป

การใช้งานเครื่องปั่นสมูทตี้นั้นไม่ควรใช้งานเติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนานกว่าที่กำหนดไว้ โดยที่ไม่มีการพักเครื่อง เพราะจะทำให้เครื่องทำงานหนักจนเกินไป ส่งผลให้ส่วนของมอเตอร์เสียหายและชำรุดได้ง่าย รวมถึงเสื่อมสภาพและมีอายุการใช้งานสั้นลง

3. ตู้เก็บความเย็น

เมื่อเปิดร้านกาแฟแล้วคงมีทั้งวัตถุดิบหรือส่วนผสมหลายอย่างที่เราต้องเก็บรักษาให้มีความสดใหม่อยู่เสมอ รวมไปถึงอาหารหรือเบเกอรี่ที่ทางร้านมักจะนำมาตั้งโชว์ในตู้เก็บความเย็น คอยดึงดูดสายลูกค้าให้อยากสั่งมากขึ้น ตู้เก็บความเย็นไม่ได้มีเพียงแค่ตู้สำหรับใส่เค้กหรือเบเกอรี่ที่ตั้งโชว์บริเวณเคาน์เตอร์ร้านเท่านั้น แต่ยังมีระบบเก็บความเย็นที่อยู่หลังเคาน์เตอร์อีกเช่นกัน

การจัดการระบบตู้เก็บความเย็นเหล่านี้จึงต้องคำนึงถึงเรื่องการออกแบบ เพราะนอกจากจะเป็นเรื่องของความสวยงามของตู้โชว์แล้ว ยังเป็นการออกแบบเพื่อการทำงานที่สะดวกของพนักงานหรือบาริสต้าอีกด้วย ให้สามารถหยิบจับของได้สะดวกไม่เปิดมาแล้วชนหรือเกะกะขวางทาง

4. อุปกรณ์ทำอาหาร

เมื่อมีเครื่องดื่มแล้วก็ต้องมีขนมหรืออาหารทานเล่นเป็นของคู่กัน คาเฟ่หรือร้านกาแฟส่วนใหญ่มักจะมีเมนูอาหารเช้า เช่น ขนมปังปิ้ง แซนวิช หรือชุด Breakfast ที่สามารถทำได้ง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์ทำครัวหรือวัตถุดิบมากมายหลายอย่าง

การมีเตาอบหรือเครื่องปิ้งขนมปัง จนไปถึงครัวขนาดเล็กที่มีเตาพอให้ทอดไข่ดาวหรือไส้กรอกก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ให้คนที่กำลังเตรียมเปิดร้านเก็บไปพิจารณาได้ อุปกรณ์ต่างๆ ไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ แต่เน้นการใช้งานที่ง่าย สะดวกรวดเร็ว เพราะการใช้งานของร้านกาแฟหรือคาเฟ่จะเน้นที่เครื่องดื่มเป็นหลักซะมากกว่า

5. กล่องเก็บวัตถุดิบและขวดปั๊มส่วมผสม

เพราะร้านกาแฟต้องใช้เมล็ดกาแฟหรือแม้แต่ส่วนผสมที่ใช้กับเครื่องดื่ม อย่างท็อปปิ้งหรือน้ำเชื่อมไซรัปต่างๆ จึงไม่ควรละเลยเรื่องการเก็บรักษาส่วนผสมและวัตถุดิบเหล่านี้ ทั้งเรื่องการเก็บรักษาและพาชนะ ถุง หรือกล่องเก็บวัตถุดิบต่างๆ โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟที่ควรเก็บถุงกาแฟเป็นหลัก เพราะมีฟรอยทึบแสงอยู่แล้ว และควรนำถุงใส่ในกล่องที่มีฝาปิดสนิทอีกชั้นหนึ่ง

การจัดหากล่องเก็บวัตถุดิบหรือส่วนผสมให้เป็นกิจลักษณะ เป็นระบบระเบียบ นอกจากจะช่วยให้การทำงานของพนักงานสะดวกมากขึ้นแล้ว ยังช่วยจัดการระบบวัตถุดิบให้คุณไม่ต้องเสียของและเสียเงินไปกับเมล็ดกาแฟราคาแพง แต่ใช้ไม่ได้เพราะไม่ได้จัดเก็บให้ถูกต้อง

6. แก้วและจาน

การเดินถือแก้วกาแฟคงเป็นภาพคุ้นตาของใครหลายคนในยุคปัจจุบันนี้ นอกจากแก้วกระเบื้องที่ใช้กับเครื่องดื่มเวลาดื่มที่ร้านแล้ว แก้วกระดาษและแก้วพลาสติกเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายกาแฟทุกร้านต้องมี แม้ว่าผู้คนจะเริ่มนิยมนั่งทำงานหรือพูดคุยที่ร้านกาแฟมากขึ้นแล้ว แต่คนส่วนใหญ่ยังคงเลือกที่จะซื้อเครื่องดื่มกลับไปดื่มมากกว่า

 

แต่เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้แก้วเหล่านี้กลายเป็นขยะที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมานักต่อนัก ผู้คนจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการใช้แก้วกระดาษรักษ์โลกที่สามารถย่อยสลายได้ง่าย บางร้านอาจมีนโยบายง่ายๆ อย่างการให้ลูกค้านำกระติกน้ำหรือแก้วเก็บความร้อนมาเอง แลกกับส่วนลดจากทางร้าน นอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แล้วยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

7. ระบบจัดการร้าน (POS)

ระบบจัดการร้านหรือ Point of Sale เป็นหนึ่งในผู้ช่วยสำคัญของร้านที่จะช่วยให้ธุรกิจร้านกาแฟของคุณสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น หากไม่มีระบบที่ได้ประสิทธิภาพ คุณอาจพบปัญหาเรื่องการบันทึกยอดขายตกหล่น การคิดเงินผิดพลาด หรือแม้แต่ระบบจัดการวัตถุดิบที่ตัดปริมาณไม่ถูกต้อง ปัจจุบันโลกของเรามีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยให้การทำงานสะดวกและเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ทั้งยังจัดเก็บข้อมูลไม่ให้สูญหายได้

 

การทราบข้อมูลทางการค้าอย่างยอดขายหรือจำนวนวัตถุดิบ ต้นทุนที่เสียไปในแต่ละวันจะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการรายรับและรายจ่ายของทางร้าน ต้องปรับปรุงแก้ไขในส่วนไหนเพื่อควบคุมต้นทุน หรือช่วยให้คุณรู้ว่าเมนูไหนขายดี และจะดึงจุดเด่นนี้ออกมาได้อีกอย่างไรบ้าง ทำให้คุณสามารถดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ได้เพียบ

สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารและร้านกาแฟ ที่ต้องการปรึกษาเรื่องการเปิดกิจการร้านกาแฟ หรือ การซื้อเครื่อง POS ให้ติดต่อเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @POSPAK

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก https://bit.ly/38jUAIJ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของคุณ ___ปิด
*