กลับไปทั้งหมด

เลือก "เครื่องพิมพ์บัตร" ยังไง? ให้เหมาะกับธุรกิจ

เลือก "เครื่องพิมพ์บัตร" ยังไง? ให้เหมาะกับธุรกิจ

เทคโนโลยีการพิมพ์บัตรพลาสติกแบบ Direct-to-Card VS Retransfer แบบไหนจึงจะเหมาะกับธุรกิจของคุณ?
เมื่อพูดถึงการเปรียบเทียบเครื่องพิมพ์สองประเภทในท้องตลาดที่มักพบเจอ หากต้องการใช้งานเพื่อพิมพ์บัตรประจำตัวพลาสติก หลักๆจะมีด้วยกัน 2 แบบคือ แบบหัวพิมพ์ความร้อน (Thermal Printhead) และแบบ Inkjet ในบทความนี้จะลงรายละเอียดถึงเทคโนโลยีการพิมพ์บัตรพลาสติกแบบ หัวพิมพ์ความร้อน ที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบหลักก็คือ Direct-to-Card Printing และ Reverse Transfer

ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการพิมพ์ด้วยเทคโนโลยีหัวพิมพ์ความร้อนกันก่อน

การพิมพ์ด้วยหัวพิมพ์ความร้อน

  • ลักษณะของหัวพิมพ์จะเป็นแท่งกระเบื้องแนวยาว ที่ทำหน้าที่ทำความร้อนเป็นจุด ความละเอียดของเครื่องพิมพ์บัตรทั่วไปจะอยู่ที่ 300dpi และ 600dpi ความร้อนจะถูกคำนวนอย่างแม่นยำออกมาเป็นจุดตามแนวหัวพิมพ์ เพื่อระเหิดสีจากแผ่นริ้บบ้อนลงไปเนื้อบัตรพลาสติก​

 

ลักษณะของริ้บบ้อน จะแบ่งออกเป็นแถบสีต่างๆ

  • ซึ่งแต่ละแถบสีจะเป็นแม่สีหลักสำหรับการพิมพ์ นั่นคือ Y – Yellow, M – Magenta, C – Cyan, K – Black ชนิดของริ้บบ้อนอาจจะมีได้แตกต่างกันออกไป เช่น YMCK, YMCKK, YMCKO, YMCKOK, K Resin Only แล้วแต่การใช้งาน โดยแต่ละแถบสีตามชื่อของชนิดริ้บบ้อนนั้นๆ จะเรียงต่อกันไปเรื่อยๆ

การพิมพ์แบบ Direct-to-Cardในยุคเริ่มแรก

  • เทคโนโลยีที่ใช้ในการพิมพ์บัตรพลาสติกจะเป็นการพิมพ์แบบ Direct-to-Card โดยในวิธีการพิมพ์นั้น หัวพิมพ์จะสัมผัสโดยตรงลงไปที่ผิวบัตรพลาสติก ซึ่งในขั้นตอนการพิมพ์นี้จะเป็นไปในรูปแบบ dye-sublimation ที่เป็นการระเหิดสีลงไปโดยตรงในเนื้อบัตรพลาสติก นั่นแปลว่า สิ่งวัสดุสิ้นเปลืองที่เครื่องพิมพ์ประเภทนี้จำเป็นต้องใช้ก็คือ ริ้บบ้อนสี และ บัตรพลาสติก PVC โดยเครื่องพิมพ์บางรุ่นอาจจะสามารถอัพเกรดเพิ่มฟังชั่นการเคลือบลามิเนตเพิ่มเติมได้

การพิมพ์แบบ Direct-to-Card เหมาะกับงานแบบไหน?

  • ‍การพิมพ์บัตรประจำตัวพลาสติกพีวีซี ที่เน้นพื้นหลังสีขาว พิมพ์โลโก้ รูป ตัวอักษร แบบง่ายๆ artwork ไม่เน้น graphic สีเต็มใบ เพราะการพิมพ์แบบ direct-to-card หัวพิมพ์ไม่สามารถวิ่งชนขอบบัตรได้ จึงอาจจะเห็นเป็นเส้นขาวบางๆบริเวณรอบขอบบัตรหากพิมพ์สีเต็มใบ
  • การพิมพ์บนบัตร PVC ธรรมดา ไม่ใช่บัตร contact หรือ contactless สมาร์ทการ์ด
  • หากต้องการใช้พิมพ์บัตรสมาร์ทการ์ด การออกแบบบัตรจำเป็นต้องมีข้อควรระวัง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับหัวพิมพ์
  • การพิมพ์แบบประหยัดต้นทุน เนื่องจากใช้แค่เพียงริ้บบ้อน เพียงอย่างเดียว ที่เป็นวัสดุสิ้นเปลือง

การพิมพ์แบบ Reverse Transfer (Retransfer)

  • ‍Reverse Transfer เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์บัตรพลาสติก ที่พัฒนาขึ้นมาจากการพิมพ์แบบ Direct-to-Card โดยการพิมพ์ยังคงใช้หัวพิมพ์ความร้อนและริ้บบ้อนสีอยู่เช่นเดิม เพียงแต่การพิมพ์สีจากหัวพิมพ์ จะเป็นการพิมพ์ลงบนฟิล์มใสก่อน ซึ่งสีทุกสีจะถูกวาดเป็นรูปภาพลงบนแผ่นฟิล์มใส แล้วจากนั้นภาพจากฟิล์มจะถูกใช้ความร้อนรีดย้อมลงไปที่ผิวหน้าของบัตรอีกทีหนึ่ง นั่นหมายความว่า หัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์จะไม่มีการสัมผัสโดยตรงไปที่ผิวบัตรพลาสติกเลย วิธีการพิมพ์แบบนี้ นอกจากริ้บบ้อนแล้ว จึงจำเป็นต้องมี ฟิล์ม เพิ่มเข้ามาเป็นวัสดุสิ้นเปลืองอีกส่วนหนึ่ง ในส่วนของตัวบัตรพลาสติกในใช้ในการพิมพ์นั้น จำเป็นต้องใช้วัสดุที่ทนความร้อนได้สูงกว่า PVC เนื่องจากในขั้นตอนการใช้ความร้อนรีดสีจากฟิล์มลงบนบัตรนั้น จะเป็นการใช้ความร้อนที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น อย่างน้อยควรจะใช้บัตรพลาสติกที่ทำมาจาก PVC Composite หรือ PET สำหรับเครื่องพิมพ์ประเภทนี้

 

การพิมพ์แบบ Retransfer เหมาะสำหรับ?

  • ‍งานพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพการพิมพ์ที่คมชัด สวยงาม มากกว่าแบบ Direct-to-Card เครื่องพิมพ์บางรุ่นสามารถมีความละเอียดการพิมพ์ได้สูงถึง 600dpi สามารถพิมพ์ตัวอักษรขนาดเล็กได้ (micro-text)
  • เหมาะสำหรับ งานพิมพ์สีที่ต้องการพิมพ์สีเต็มจนถึงขอบบัตร (over-the-edge printing) การใช้รูปพื้นหลังที่เป็นสีเต็มใบ ได้อย่างไม่มีปัญหาพิมพ์บัตรประจำตัวประเภทบัตรสมาร์ทการ์ด ทั้งในรูปแบบ contact และ contactless เนื่องจากหัวพิมพ์ไม่มีการสัมผัสโดยตรงบนบัตร สภาพพื้นผิว ที่อาจจะไม่เรียบเนื่องจากตำแหน่งไมโครชิพของบัตร จึงไม่สร้างปัญหาให้กับเครื่องพิมพ์ประเภทนี้
  • เนื่องจากหัวพิมพ์ไม่มีการสัมผัสกับบัตร และวัสดุภายนอกอื่นใด โดยทั่วไปหัวพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้จะมีการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน ไม่เหมือนแบบ Direct-to-Card

 
ตารางเปรียบเทียบการพิมพ์บัตรพลาสติกแบบ Direct-to-Card และ Retransfer Printing​
 
ขอขอบคุณบทความดีๆจาก vulcan-tec
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของคุณ ___ปิด
*