คุณอาจสงสัยว่าความแตกต่างระหว่างฉลากแบบ Direct Thermal กับแบบถ่ายโอนความร้อนคืออะไร ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการพิมพ์ของเครื่องพิมพ์บัตรนั้น หลักๆแล้วมีเทคโนโลยีการพิมพ์ที่พัฒนามากขึ้น เราจะมาเปรียบเทียบวิธีการพิมพ์ 2 แบบ นั่นคือ วิธีการพิมพ์แบบ Thermal Transfer และ วิธีการพิมพ์แบบ Direct Thermal ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
การพิมพ์แบบใช้ความร้อนโดยตรง (Direct Thermal) คืออะไร?
- เป็นวิธีพิมพ์แบบไม่ผ่านตัวกลางในการพิมพ์ หัวพิมพ์จะใช้ความความร้อน ทำปฏิกิริยากับวัสดุที่ใช้พิมพ์โดยตรง ซึ่งบนวัสดุจะมีสารเคลือบที่สามารถทำปฏิกิริยากับความร้อนและทำให้สามารเปลี่ยนสีได้ โดยในที่นี้ ด้วยวิธีการพิมพ์แบบ Thermal จะทำให้วัสดุเปลี่ยนเป็นสีดำ นิยมใช้งานในการพิมพ์บาร์โค๊ด หรือบัตรคิวที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปตามร้านค้า หรือสถานที่ให้บริการต่างๆ ข้อควรระวังของวิธีการพิมพ์แบบ Direct Thermal คือ ไม่ควรเก็บวัสดุไว้ในที่ ที่อุณหภูมิสูงกว่า 70 องศาเซลเซียส เพราะอาจจะทำให้วัสดุเกิดการเปลี่ยนสีได้ง่าย
ข้อดี
- ใช้งานง่าย ไม่ต้องใส่ริบบอน หรือ ไม่ต้องแก้ปัญหาเกี่ยวกับริบบอน
- ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับรอยย่นของริบบ้อน
- ไม่ต้องประสบปัญหาทางด้านกลไกต่างๆ รวมทั้งกลไกริบบอน
- ลดสต๊อกของในคลังสินค้าเพราะไม่ต้องสต๊อกริบบ้อน
- ขจัดปัญหาเรื่องฉลากกับริบบ้อนไม่เข้ากัน
- ไม่ต้องระสบปัญหาการกำจัดริบบอน
ข้อเสีย
- ความเร็วในการพิมพ์ต่ำ
- อายุการใช้งานของหัวพิมพ์น้อย
- กระดาษจะเหลืองลงหากเก็บไว้นาน
- กระดาษจะดำมากหาก โดนแสงแดดหรือโดนความร้อนมากเกินไป
- พื้นผิวพิเศษ (เช่นแผ่นฟิล์ม) อาจมีราคาแพง
- มีวัสดุให้เลือกน้อย
- ความทนทานต่อสารเคมีต่ำ
การใช้งาน
ฉลากแบบใช้ความร้อนโดยตรงถูกนำมาใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมเนื่องจากคุณภาพการพิมพ์รวมถึงความสะดวกในการใช้งาน การใช้ฉลากความร้อนโดยตรงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ :
- ฉลากการจัดส่ง : ฉลากความร้อนโดยตรงใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการขนส่ง สามารถพิมพ์ฉลากได้อย่างรวดเร็วและต้องผ่านกระบวนการจัดส่งเท่านั้น
- ฉลากอาหาร : เนื่องจากฉลากแบบใช้ความร้อนโดยตรงไม่ใช้หมึก จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการติดฉลากอาหาร
- ป้ายชื่อ : เมื่อคุณต้องการป้ายชื่อสำหรับการประชุมหรืองานอื่นๆ การพิมพ์ด้วยความร้อนโดยตรงเป็นตัวเลือกที่ดี เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อนโดยตรงพิมพ์ปริมาณมากได้อย่างรวดเร็วและราคาไม่แพง
การพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อน (Thermal Transfer ) คืออะไร?
- เป็นการพิมพ์แบบผ่านตัวกลาง หัวพิมพ์จะไม่สัมผัสวัสดุที่ใช้พิมพ์โดยตรง ซึ่งตัวกลางที่ใช้ คือ Ribbon ลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มบางๆ ประกอบด้วย wax หรือ wax/resin ทำหน้าที่เป็นหมึก เมื่อแผ่นฟิล์มโดนความร้อน จะทำให้เกิดปฏิกิริยา ส่งผ่านสีที่อยู่บนฟิล์ม ลงไปยังวัสดุที่เราต้องการใช้พิมพ์โดยตรง ปิดท้ายด้วยการเคลือบทับวัสดุที่เราใช้พิมพ์อีกครั้งหนึ่งเพื่อความคงทนของภาพที่พิมพ์ลงไป ซึ่งวิธีการพิมพ์แบบ Thermal Transfer นั้น จะได้ภาพที่คมชัด และติดทนนานกว่าการพิมพ์แบบ Direct Thermal รวมถึง วัสดุที่ใช้พิมพ์ จะมีอายุการใช้งานที่นานกว่า
ข้อดี
- ภาพที่พิมพ์ออกมาสามารถเก็บไว้ได้นาน
- ภาพที่พิมพ์ออกมาสามารถทนความร้อนและแสงแดดได้
- มีริบบอนที่เป็นสี
- หัวพิมพ์จะมีอายุการใช้งานที่นาน
- มีวัสดุฉลากให้เลือกหลายประเภท
- วัสดุบางชนิดสามารถทนทานต่อสารเคมีได้ดี
ข้อเสีย
- ต้องมีการเปลี่ยนริบบ้อน
- การที่มีสารเคมีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการพิมพ์ หมายความว่าจะต้องใช้เวลาในการหยุดงานมากขึ้นและอาจจะมีการเสีย
- คุณภาพในการพิมพ์อาจจะลดลง หากตัวฉลากกับริบบอนไม่สามารถเข้ากันได้
- ถ้าหากใช้ริบบอนผิดประเภทอาจจะทำให้เกิดปัญหาในการพิมพ์
การใช้งาน
เนื่องจากความทนทาน ฉลากถ่ายโอนความร้อนจึงใช้สำหรับการติดฉลากระยะยาวและในสภาวะที่รุนแรง ต่อไปนี้คือบางส่วนของการใช้งานทั่วไปของฉลากถ่ายโอนความร้อน:
- การติดตามทรัพย์สิน: ฉลากทรัพย์สินการถ่ายเทความร้อนมีอายุการใช้งานยาวนาน เพื่อช่วยให้คุณติดตามทรัพย์สินของคุณได้อย่างง่ายดาย เพื่อป้องกันการโจรกรรมและการสูญหาย
- ตัวอย่างห้องปฏิบัติการ: ฉลากถ่ายโอนความร้อนสามารถทนต่อสภาวะที่รุนแรงของห้องปฏิบัติการ รวมถึงสารเคมีและความร้อน
- การใช้งานกลางแจ้ง: ฉลากถ่ายโอนความร้อนจะไม่ซีดจางหรือถูกบดบังเมื่อสัมผัสกับแสง UV หรือความร้อน ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง
ตอนนี้คุณทราบความแตกต่างระหว่างการพิมพ์แบบใช้ความร้อนโดยตรงกับการพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้อนแล้ว ว่าฉลากระบายความร้อนที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ หากคุณต้องการพิมพ์ฉลากปริมาณมากเพื่อใช้เป็นเวลาหกเดือนหรือน้อยกว่านั้น